วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Mercedes-Benz S-Class W222

Mercedes-Benz S-Class W222

หลังจากที่เราได้เขียนBlogประวัติ Mercedes-Benz S-Class ไปแล้ววันนี้เราจะมาบอกข้อมูลของMercedes-Benz S-Class W222 กัน ซึ้งเป็นรุ่นที่ทางMercedes-Benz Thailand นำเข้ามาขายในประเทศไทยโดยตรงนั้นคือ Mercedes-Benz S400 Hybrid AMG Premium

2014 Mercedes-Benz S400 HYBRID AMG Premium

เมอร์เซเดส ประเทศไทย เปิดตัวยนตรกรรมหรูตระกูล S-Class ใหม่ล่าสุด รหัสตัวถัง V222 หรือรุ่นฐานล้อยาว ด้วยรุ่น S400 HYBRID AMG Premium ซึ่งได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด 'Vision accomplished' โดยมีหัวใจหลัก 3 ประการ คือ ระบบการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Drive), เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน (Efficient Technology) และองค์ประกอบที่หรูหรา (Essence of Luxury) เปิดราคาจำหน่ายในไทย 11,400,000 บา


 มร. ไมเคิล เกรเว่ (Michael Grewe) ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "S-Class ที่นำมาเปิดตลาดในไทย ได้แก่รุ่น S400 HYBRID AMG Premium ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียดทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรูปลักษณ์ใหม่ที่น่าหลงใหล สมรรถนะยอดเยี่ยม ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ความสะดวกสบายที่เหนือกว่า และยังคงความสปอร์ตปราดเปรียว ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ S-Class โฉมใหม่ เป็นที่สุดในทุกองค์ประกอบ สมเป็นยนตรกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ซึ่งสามารถตอบโจทย์ตามปรัชญาของเมอร์เซเดส-เบนซ์ภายใต้สโลแกน The best or nothing. เชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูงหรือเจ้าของกิจการได้เป็นอย่างดี
 งานออกแบบภายนอก สปอร์ตยิ่งขึ้น
baS-Class โฉมใหม่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น กระจังหน้ามีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ฝากระโปรงแบบ long bonnet ผสานลายเส้นพริ้วไหวด้านข้าง (dropping line) กับความโค้งมนของเส้นหลังคา (roof line) ตลอดจนด้านท้ายรถที่ออกแบบให้มีความลาดเท ทำให้ S-Class ใหม่มีสัดส่วนตัวรถสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในขณะที่ขนาดตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมในทุกมิติ ยาว 5,246 มม. (+20) ความกว้าง 1,899 มม. (28) สูง 1,496 มม. (+14) นอกจากนี้ S400 HYBRID ยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำสุดในตระกูล S-Class เท่ากับ 0.23 และเป็นรองเพียง CLA-Class ซึ่งมีค่าเพียง cd 0.22


baS-Class ใหม่ใช้เทคโนโลยีส่องสว่างแบบ LED ทั้งคันทั้งภายนอกและภายใน รวมทั้งคันมีหลอดไฟ LED รวมกันเกือบ 500 ดวง ไฟหน้าใช้หลอด LED ข้างละ 56 ดวง ไฟท้ายข้างละ 35 ดวง ไฟตัดหมอกหลังอีก 4 ดวง ส่วนภายในห้องโดยสารใช้มากถึง 300 ดวง สามารถประหยัดพลังงานโดยรวมถึงกว่า 75% เมื่อเทียบกับหลอดธรรมดา นอกจากนี้ยังมีระบบ LED Intelligent Light System สำหรับโคมไฟหน้า ช่วยปรับลำแสงให้เหมาะสมกับสถานการณ์และสภาพอากาศ อาทิ country mode, motorway mode, enhanced fog lamps หรือการขับขี่บนถนนที่ปกคลุมด้วยหมอก, ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย หรือ active light function, การเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง cornering light function และการปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus




 ห้องโดยสารหรู และเน้นใช้งานได้จริงเป็นหลัก
baการตกแต่งภายในใช้วัสดุคุณภาพสูง ออกแบบให้เน้นการใช้งานได้จริงเป็นหลัก ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร Ambient Lighting ที่สามารถปรับเฉดได้ถึง 7 สี จอดิสเพลย์แบบใหม่แสดงผลผ่านจอ TFT ขนาด 31.2 ซม. 2 จอ ตัวแรกด้านหน้าคนขับให้ข้อมูลการวัดค่าต่างๆ บนแผงหน้าปัด เช่น มิเตอร์วัดความเร็ว ความเร็วรอบ ระยะทาง และอื่นๆ ส่วนจอด้านซ้ายสำหรับให้ข้อมูลระบบความบันเทิงต่างๆ รวมถึงการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต สามารถควบคุมการทำงานได้จากรีโมทคอนโทล และแป้นควบคุมตรงคอนโซลกลาง

baที่นั่งด้านหลังมีจอแสดงผลอีก 2 ตำแหน่ง ขนาด 25.4 ซม. (Individual Entertainment in the rear) ติดตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของพนักพิงคู่หน้า ให้บริการด้านข้อมูลและความบันเทิงต่างๆ แก่ผู้โดยสารตอนหลังโดยแยกอิสระ ระบบ COMAND Online ควบคุมการทำงานของวิทยุ ดีวีดี และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พร้อม Controller และระบบนำทาง นอกจากนั้นยังมีรีโมทคอนโทรลควบคุมการทำงานของระบบ COMAND Online สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง รวมถึงระบบสั่งการด้วยเสียง หรือ LINGUATRONIC ด้วย





 เพิ่มความสะดวกสบายด้วยหลากหลายเทโนโลยี
baS-Class ได้รับการติดตั้งระบบ active perfuming system มาพร้อมกับ AIR-BALANCE Package เป็นครั้งแรกของโลก โดยระบบจะผลิตกลิ่นหอม และปรับระดับความหอมได้ด้วยตัวคุณเอง ซึ่ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังได้แนะนำน้ำหอมปรับอากาศคุณภาพสูง เพื่อให้ความสดชื่นและความรื่นรมย์มากขึ้น โดยกลิ่นหอมที่ใช้มีให้เลือก 4 กลิ่น ได้แก่ Freeside Mood, Nightlife Mood, Downtown Mood และ Sports Mood

baโครงสร้างเบาะของ S-Class น้ำหนักเบาขึ้นประมาณ 20 กก. ติดตั้งระบบนวดแบบผ่อนคลายแบบ ENERGIZING Massage ใช้หลักการนวดผ่อนคลายเหมือนการใช้หินร้อน โดยสามารถเลือกโปรแกรมนวดได้ถึง 6 แบบ นอกจากนี้เบาะคู่หน้าและหลังยังเป็นแบบ Climatised seat ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกเช่นกัน ที่ใช้เบาะนั่งพร้อมระบบระบายอากาศเบาะนั่งโดยใช้พัดลมดูดอากาศ (reversing fans) และมีระบบอุ่นเบาะนั่ง ให้มีอุณหภูมิพอเหมาะสะดวกสบายตลอดการขับขี่ ส่วนเบาะหลังฝั่งซ้ายเป็นแบบ Executive Seat ปรับเอนพนักพิงเพิ่มขึ้นได้จาก 37 เป็น 43.5 องศา

baแพคเกจสำหรับผู้โดยสาร หรือ Chauffeur package ช่วยอำนวยความสะดวกสบายและป้องกันการได้รับการบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุ ด้วยฟังก์ชั่น Chauffeur ปรับเลื่อนเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าไปข้างหน้าได้อีก 40 มม. และเลื่อนขึ้นด้านบนได้อีก 37 มม. จากตำแหน่งปกติ ทำให้มีพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเพิ่มขึ้น

baชุดเครื่องเสียง Burmester Surround Sound System พร้อมลำโพง 13 ตัว ให้ระดับเสียงคมชัดในแบบรอบทิศทาง ทำงานร่วมกับระบบ Frontbass system ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบเสียงที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พัฒนา และได้นำมาใช้ในรถยนต์ซาลูนเป็นครั้งแรก

 ประหยัดสูงสุดด้วยการจับคู่เบนซิน V6 กับมอเตอร์ไฟฟ้า
baS-Class มีอัตราการใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่ารุ่นเดิม 20% พละกำลังมาจากเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3,498 ซีซี กำลังสูงสุด 306 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 37.7 กก.-ม. ที่ 3,500 - 5,250 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 20 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 27 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.4 กก.-ม.

baส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ 7G-TRONIC PLUS พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย DIRECT SELECT อัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16 กม./ ลิตร อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 147 กรัม/กม.

มาตรฐานความปลอดภัยที่ดีขึ้น
baโครงสร้างตัวถังแบบอะลูมเนียมผสม ใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบากว่าที่เคยใช้ในรุ่นก่อนหน้า 95 กก. รับแรงบิดเพิ่มขึ้น 50% โครงสร้างห้องโดยสารนิรภัย สร้างขึ้นจากเหล็กหล่อที่มีความแกร่งสูง คานนิรภัยที่มีระดับความแข็งแรงเหมาะสมทั้งกับน้ำหนักและขนาดของตัวรถ ซึ่งการใช้วัสดุน้ำหนักเบาเป็นโครงสร้าง การปรับปรุงมิติของโครงสร้าง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการประกอบตัวถังขั้นสูง นับเป็นการพัฒนาไปอีกขั้นของยานยนต์ในกลุ่มซาลูน

baระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ หรือ PRE-SAFE เพิ่มระบบ PRE-SAFE Impulse ทำงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุจากด้านหน้า โดยผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า จะถูกเข็มขัดนิรภัยดึงให้ออกห่างจากทิศทางที่ถูกเชี่ยวชน ตั้งแต่จังหวะแรกก่อนรถถูกชน และลดแรงดึงกลับเพื่อช่วยลดความเสี่ยง และความรุนแรงของอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้น

baสำหรับผู้โดยสารด้านหลังมากขึ้น สะดวกด้วย หัวเข็มขัดนิรภัยแบบเรืองแสง แบบปรับระดับเองอัตโนมัติ หรือ Active Seat-Belt Buckle,เข็มขัดนิรภัยแบบถุงลม สำหรับผู้โดยสารด้านหลังริมหน้าต่าง หรือ Beltbag, ระบบตัดการทำงานถุงลมนิรภัยอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัยด้านข้าง ซึ่งทำงานร่วมกับระบบ PRE-SAFE ช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บให้กับผู้โดยสารที่นั่งเบาะหลัง ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในระบบ PRE-SAFE Rear Package

baหัวเข็มขัดนิรภัยแบบเรืองแสง จะถูกยกขึ้นโดยอัตโนมัติด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อประตูหลังถูกเปิด เพื่ออำนวยความสะดวกในการคาดเข็มขัดนิรภัย ป้องกันการบาดเจ็บบริเวณกระดูกเชิงกราน และบริเวณส่วนหน้าอกของผู้โดยสารได้มากขึ้น โดยเข็มขัดนิรภัยเบาะหลังนี้ จะทำหน้าที่ปกป้องโดยรั้งตัวผู้โดยสารโดยอัตโนมัติ เพื่อเตรียมพร้อมกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น

Intelligent Drive ระบบช่วยเหลืออัจฉริยะ
baS-Class มาพร้อมกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยใหม่ ผสานความสะดวกสบายและความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกัน เรียกว่าระบบMercedes-Benz Intelligent Drive

ba
ระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system, โปรแกรมการควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 4 ที่นั่ง ผ่อนแรงและรั้งกลับอัตโนมัติ, ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเซ็นเซอร์วัดแรงปะทะ และการคาดเข็มขัดนิรภัย, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าและด้านหลัง และม่านถุงลมนิรภัยป้องกันศีรษะ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้ง 4 ตำแหน่ง (window bags)

baนอกจากนี้ยังมีระบบอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, cruise control และระบบจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)

baเซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ทำงานร่วมกับกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (reversing camera) และระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist), ฟังก์ชันเปิดฝากระโปรงท้ายอัตโนมัติ (HANDS-FREE ACCESS) และระบบ MAGIC VISION CONTROL ซึ่งเป็นระบบการทำงานของใบปัดน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพสูง น้ำฉีดล้างกระจกจะถูกส่งออกมาจากก้านปัดน้ำฝนโดยตรง โดยมีการปัดในสองทิศทาง ทำให้ไม่มีการกระจายตัวของละอองน้ำมาบดบังทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ในขณะฉีดน้ำ
เมอร์เซเดส ประเทศไทย เปิดราคาจำหน่าย S400 HYBRID AMG Premium ที่ 11.4 ล้านบาท สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่าย เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ 
ที่มา
http://www.motortrivia.com/2013/grand-opening-001/125/mercedes-s400-hybrid-amg-premium.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น