วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ประวัติ Honda Accord

ประวัติ Honda Accord


ประวัติ Honda Accord

ฮอนด้า แอคคอร์ด เป็นรถซีดานขนาดกลางที่ผลิตและพัฒนาโดยบริษัทฮอนด้าโดยเริ่มต้นสายการผลิตในปี พ.ศ. 2519 ในประเทศญี่ปุ่น โดยเครื่องที่ออกมาตัวแรกคือเครื่อง 1600 ซีซี ซึ่งนับเป็นรถขนาดกลาง โดยรูปทรงที่ออกมามีลักษณะใกล้เคียงกับ ฮอนด้า ซีวิคในรุ่นเดียวกัน ในช่วงที่แอคคอร์ดถูกออกแบบมาใหม่ๆ แอคคอร์ดถูกกำหนดให้ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบโดยเฉพาะ ซึ่งกำหนดให้สภาพเครื่องยนต์แตกต่างจากซีวิค แต่เนื่องจากเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจ และภาวะน้ำมันแพงในระยะต่อมา ทางฮอนด้าได้มีการปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ รวมทั้งเครื่องยนต์ โดยได้ปรับปรุงและพัฒนาออกมาเป็นเป็น 2 รุ่นหลักอย่างที่เห็นในปัจจุบัน คือ รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ และรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ

Generation ที่ 1 (รุ่นปี พ.ศ. 2519-2524)

โฉมแรกนี้ ทำออกมาทั้งสิ้น 6 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2524 โดยรุ่นบุกเบิกมีเครื่องยนต์ขนาด 68 แรงม้า แต่ว่ารุ่นปี พ.ศ. 2523 นั้น ยังผลิตอยู่จนถึง พ.ศ. 2524 จึงเลิกผลิต โดยในสมัยนั้น ระบบเกียร์อัตโนมัตินั้น ยังไม่ถูกพัฒนาเท่าที่ควร ระบบอัตโนมัติได้กินพื้นที่กระปุกเกียร์ จึงไม่สามารถติดเฟืองเกียร์ได้มากเหมือนเกียร์ธรรมดา ในโฉมแรกนี้ ระบบเกียร์มี 3 ระบบ คือ เกียร์ธรรมดา 5 ระดับเกียร์เดินหน้า กับเกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 ระดับเกียร์เดินหน้า ดังนั้น การมีเกียร์น้อย ทำให้มีปัญหาในด้านของการใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลือง จึงไม่ค่อยมีคนซื้อ แต่ก็ยังมีการผลิต แต่โฉมนี้ ก็เป็นโฉมแรกและโฉมเดียวที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 ระดับเกียร์เดินหน้าด้วย โดยเปิดตัวในปี1976โดยเป็นตัวถัง3ประตูในตอนแรกใช้แพลตฟอร์มเดียวกับซีวิค ใช้เครื่องยนต์เบนซิน1600cc 68แรงม้า ต่อมาในเดือนตุลาคมปี1977ก็ออกรุ่น4ประตูซีดานและปรับกำลังเพิ่มขึ้นเป็น72แรงม้า ในปี1978ก็ออกรุ่นเบนซิน1800cc ในปี1980ก็ออกรุ่นเกียร์อัตโนมัติ3สปีดจากเดิมแค่2สปีดให้เลือก โดยในเจเนอเรชันแรกนี้ คู่แข่งที่สำคัญในเวลานั้นคือ โตโยต้า โคโรน่ามาสด้า 626ดัทสัน 510 และ มิตซูบิชิ กาแลนต์
ด้านตัวถัง โฉมแรกนี้แอคคอร์ดมีตัวถังเพียง 2 แบบ คือ Hatchback 3 ประตู กับ Sedan 4 ประตู มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาดคือ 1.6 กับ 1.8 ลิตร
สำหรับในประเทศไทย ในระยะเวลานั้น ฮอนด้าสำนักงานใหญ่ยังไม่เข้ามาเปิดกิจการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แต่เอเชียน ฮอนด้า ก็ได้นำแอคคอร์ดรุ่นนี้มีการนำเข้ามาขายในประเทศไทย แต่ก็มียอดขายไม่กี่คันเท่านั้น

Generation ที่ 2 (รุ่นปี พ.ศ. 2525-2528)


โฉมที่ 2 นี้ ผลิตออกมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2525 - พ.ศ. 2528 เปิดตัวกันยายนปี1981ในญี่ปุ่นและยุโรปส่วนอเมริกาเหนือในปี1982 และยังมีฝาแฝดขายในชื่อvigorแอคคอร์ดรุ่นนี้เป็นแอคคอร์ดรุ่นแรกที่ฮอนด้านำไปขึ้นไลน์ประกอบในอเมริกาและเป็นรุ่นแรกที่นำมาขายในไทยอย่างเป็นทางการ และในปี1984ก็นำเครื่องหัวฉีดPGMiมาใข้เป็นครั้งแรกในญี่ปุ่นโดยรุ่น1800cc carburator มี110แรงม้า 1800cc หัวฉีดPGM-Fi โดย1600ccตัวเก่ายังอยู่ในปี1983ก็มีรุ่นเกียร์อัตโนมัติ4สปีดและยังมีรุ่นพิเศษspecial editionมีหลังคาซันรูฟ กระจกไฟฟ้า เบาะหนังอีกด้วย
สำหรับประเทศไทย ในช่วงนี้ ฮอนด้า สำนักงานใหญ่เข้ามาทำธุรกิจในไทยนับตั้งแต่ พ.ศ. 2526 จึงมีการจำหน่ายแอคคอร์ดอย่างเป็นทางการเป็นรุ่นแรก โดยโฉมนี้มีจำหน่ายรุ่นเดียวคิอ1800cc carburator 100แรงม้า

Generation ที่ 3 (รุ่นปี พ.ศ. 2529-2532)


โฉมที่ 3 นี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2529 - พ.ศ. 2532 เปิดตัวครั้งแรกมิถุนายน1985ที่ญี่ปุ่นในยุโรปและอเมริกาตามมาภายหลังนักเลงรถบ้านเราเรียกว่ารุ่นท้ายดำแดงสองชั้นใช้แพลตฟอร์มเดียวกับโดยรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ใช้ช่วงล่างดับเบิลวิชโบนอิสระทั้ง4ล้อและมีระบบเบรกABSให้เลิอกด้วยในรุ่นดิสก์เบรก4ล้อเป็นรุ่นเดียวที่ไฟหน้าเป็นไฟแบบpopupรุ่นแรกและรุ่นเดียวแต่รุ่นที่ขายในไทยเป็นแบบธรรมดามีรุ่นเครื่องยนต์ 1600cc 1800ccและ2000cc นอกจากนี้ยังมีตัวถังหลายแบบ3ประตูhatchback 3ประตู shootingbrake เรียกว่า Accord Aerodeck และ2ประตู มาในปี 2530 และขายกันถึงปี 2532 ได้รับรางวัลรถยนต์นั่งยอดเยี่ยมแห่งปีของญี่ปุ่นประจำปี 2529 อีกด้วย
ในไทยนั้นเป็นเครื่อง2000cc (1955cc)105แรงม้า โดยมี 2 แบบ คือ
  • LX เกียร์ธรรมดา 5 สปีด กระจกหน้าต่างและกระจกส่องข้างแบบปรับมือ ล้อกระทะเหล็ก 13 นิ้วพร้อมฝาครอบ ยางขนาด 185/70R13
  • EX เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด กระจกหน้าต่างไฟฟ้าและกระจกส่องข้างปรับไฟฟ้า ล้อกระทะเหล็ก 13 นิ้วพร้อมฝาครอบ ยางขนาด 185/70R13 (เฉพาะรุ่นท้ายๆ จะได้ล้อแม็กนีเซียมอัลลอย 14 นิ้ว ยางขนาด 195/60R14)
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่น จะได้พวงมาลัยพาวเวอร์ผ่อนแรง, เซ็นทรัลล็อก, ไฟส่องข้างประตู, เสาอากาศไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งถือว่าเป็นความล้ำหน้าในเทคโนโลยีไม่น้อย ส่วนเบาะจะเป็นเบาะสังเคราะห์ หรือเบาะหนังเทียม (ไวนิล) รอบคันแม้แต่รุ่นท็อป ซึ่งเป็นจุดอ่อนเนื่องจากคู่แข่งใช้เบาะกำมะหยี่หรูหรากว่า

Generation ที่ 4 (รุ่นปี พ.ศ. 2533-2536)


โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 ปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2533 - พ.ศ. 2536 เปิดตัวครั้งแรกในปี1989ใช้พื้นฐานทางวิศวกรรมร่วมกับhonda ascot ,honda vigorและhonda inspireที่เน้นตลาดบนมากกว่าพี่น้องร่วมสายพันธ์โฉมนี้นับว่าเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในไทยและในอเมริกายังเป็นรถยนต์นั่งที่ขายดีที่สุดถึง3ปีซ้อนอีกด้วย ตลาดรถในประเทศไทย เรียกว่ารุ่นตาเพชร เนื่องจากไฟหน้าเป็นมัลติรีเฟลกเตอร์เมื่อมองแล้วมีลักษณะเหมือนเพชรที่แวววาวจึงเรียกว่าตาเพชร โดยโฉมนี้ในต่างประเทศมีเครื่องยนต์1800cc 2000cc และ2200cc125แรงม้า 130แรงม้าและ140แรงม้า
ในไทยใช้เฉพาะเครื่องยนต์ 2000cc เท่านั้น มีเซ็นทรัลล็อก พวงมาลัยพาวเวอร์ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย คือ
  • LX / EX เป็นรุ่นต่ำสุด เครื่องยนต์ 2000cc คาร์บิวเรเตอร์ 112 แรงม้า เบาะหนังเทียม (ไวนิล) กระจกข้างและมือจับเปิดประตูนอกรถสีดำ ล้อกระทะเหล็ก 14 นิ้วพร้อมฝาครอบ ยางขนาด 185/70R14 โดย LX จะเป็นเกียร์ธรรมดาของรุ่นต่ำสุด และ EX เป็นเกียร์อัตโนมัติของรุ่นต่ำสุด โดยไม่มีความแตกต่างของออปชั่นระหว่างรุ่น LX กับ EX
  • LXi / EXi เป็นรุ่นท็อป เครื่องยนต์ 2000cc หัวฉีด 135 แรงม้า เบาะกำมะหยี่ กระจกข้างปรับด้วยไฟฟ้าสีเดียวกับตัวรถ มือจับเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ ล้อแม็กนีเซียมอัลลอย 15 นิ้ว ยางขนาด 195/60R15 โดย LXi จะเป็นเกียร์ธรรมดาของรุ่นท็อป และ EXi จะเป็นเกียร์อัตโนมัติของรุ่นท็อป (มาหลังการเปิดตัวประมาณ 1 ปี) โดยไม่มีความแตกต่างของออปชั่นระหว่างรุ่น LXi กับ EXi
เปิดตัวในไทยในปี 2533 โดยช่วงแรกจะมีเฉพาะ LX / EX กับ LXi เท่านั้น ส่วน EXi ตามมาในปี 2534 ในช่วงแรกนี้ไฟท้ายจะเป็นแผงยาวจรดแผงป้ายทะเบียน จึงเรียกกันว่า ตาเพชรไฟยาว รุ่นไมเนอร์เชนจ์ออกเมื่อปี 2535 โดยเปลี่ยนไฟเล้ยวใหม่ ไฟท้ายใหม่ที่กลับไฟเบรกมาอยู่ข้างบนไฟเลี้ยวนักเลงรถเรียกรุ่นนี้ว่า ตาเพชรไฟสั้น โดยขายจนถึงปี 2537 รุ่นนี้ไม่มีตัวถัง3ประตูแล้ว โดยตัวถัง5ประตูขายในยุโรปชื่อ Aerodeck
จากโฉมก่อนหน้าจนถึงโฉมนี้ คู่แข่งโดยตรงที่สำคัญของแอคคอร์ด คือ โตโยต้า โคโรน่า และ นิสสัน บลูเบิร์ด เนื่องจากมีขนาด ออปชั่น และราคาในระดับไล่เลี่ยกัน แต่แอคคอร์ดรุ่นตาเพชรได้เป็นสัญญาณใหม่ในตลาดเมืองไทยที่เริ่มมีขนาด เทคโนโลยี และราคาที่ฉีกออกไปจากคู่แข่งสองรุ่นในข้างต้น แต่ในทางปฏิบัติยังถือกันว่ายังเป็นรถระดับเดียวกับโคโรน่าและบลูเบิร์ด

Generation ที่ 5 (รุ่นปี พ.ศ. 2536-2540)


Generation ที่ 5 (รุ่นปี พ.ศ. 2536-2540)[แก้]



โฉมนี้ ผลิตออกมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2536 - พ.ศ. 2540 ขายในปี1994โดยในโฉมนี้ที่ขายในญี่ปุ่นกับยุโรปเป็นคนละโมเดลกันโดยอเมริกายังเป็นโมเดลเดียวกับญี่ปุ่นโดยรุ่นที่ขายในยุโรปญี่ปุ่นขายในญี่ปุ่นในชื่อAscot Innova โดยใช้พื้นฐานวิศวกรรมเดียวกับฮอนด้าพรีลูด และยังขายในชื่อ rover 800และisuzu aska อีกด้วยในเวอร์ชันญี่ปุ่นส่วนเวอร์ชันยุโรปยังขายในชื่อrover 600อีกด้วยและขยับขนาดตัวถังจากรถยนต์นั่งขนาดเล็กเป็นขนาดกลาง ได้รับการวางเครื่องยนต์รหัส F18B ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 4 สูบ 16 วาล์ว 1,849 ซีซี 125 แรงม้า, รหัส F20B ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,997 ซีซี 135 แรงม้า, รหัส F22B ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 2,156 ซีซี 145 แรงม้า และแรงสุดในรหัส H22A ทวินแคม VTEC 2,156 ซีซี 190 แรงม้าซึ่งบลอกนี้เป็นเครื่องที่คนที่ใช้รุ่นตาเพชรและรุ่นนี้ที่ต้องการความแรงเพิ่มต่างถวิลหากันที่จะเอามาวางต่อมา2700cc v6 H23A 2300ccและ2000ccดีเซลเครื่องroverโดย2บลอคหลังเฉพาะเวอร์ชันยุโรปและRover 600 เกียร์อัตโนมัติ ระบบกันสะเทือนปีกนกคู่ ระบบเบรกหน้าดิสก์-หลังดรัม (เฉพาะรุ่น SiR เป็นดิสก์เบรก4ล้อ)
ในประเทศเปิดตัวเมื่อปี 2537 มีทั้งประกอบนอกและประกอบในโดยในรุ่นนี้นักเลงรถบ้านเราเรียกว่ารุ่นไฟท้ายก้อนเดียวเพราะมีไฟท้ายชิ้นเดียวบนฝากระโปรง และรุ่นไมเนอร์เชนจ์มาในปี 2539 โดยนักเลงรถบ้านเราเรียกว่ารุ่นไฟท้าย 2 ก้อนเพราะมีไฟท้าย 2 ชิ้นขายถึงปี 2540 โดยในโฉมนี้มีตัวเลือก 3 แบบ คือ
  • LXi / EXi เป็นรุ่นต่ำสุด เครื่องยนต์ 2200cc หัวฉีด 138 แรงม้า ในช่วงแรกจะยังใช้ล้อกระทะเหล็ก 14 นิ้วพร้อมฝาครอบ ยางขนาด 185/70R14 แต่พ้นปีแรกของการเปิดตัวไปแล้ว ได้เปลี่ยนไปใช้ล้อแมกนีเซียมอัลลอย 15 นิ้ว ยาวขนาด 195/60R15 ได้กระจกปรับ-พับไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อก เบาะกำมะหยี่ วิทยุเทป 4 ลำโพง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดย LXi คือเกียร์ธรรมดาของรุ่นต่ำสุด และ EXi คือเกียร์อัตโนมัติของรุ่นต่ำสุด ไม่มีส่วนแตกต่างของออปชั่นระหว่าง LXi กับ EXi
  • VTi-L / VTi-E เป็นรุ่นกลาง เครื่องยนต์ 2200cc หัวฉีดวาล์วแปรผัน (VTEC) 143 แรงม้า สิ่งที่ได้เพิ่มจากเดิมคือ พวงมาลัยหุ้มหนังระบบเบรกป้องกันล้อล็อก โดย VTi-L คือเกียร์ธรรมดาของรุ่นกลาง และ VTi-E คือเกียร์อัตโนมัติของรุ่นกลาง และในช่วงปีท้ายๆ มีการติดตั้งถุงลมนิรภัย ฝั่งคนขับมาด้วย ล้ออัลลอย 15 นิ้ว ยางขนาด 195/60R15
  • VTi-S เป็นรุ่นท็อป มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์ 2200cc หัวฉีดวาล์วแปรฝัน 143 แรงม้า ประกอบจากญี่ปุ่น สิ่งที่ได้เพิ่มคือ เบาะนั่งหุ้มหนังสีครีม เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ถุงลมนิรภัยคนขับ และ รุ่นไฟท้ายก้อนเดียว (2537-2538) จะได้ซันรูฟ ส่วนรุ่นไฟท้ายสองก้อน (2539-2540) จะได้เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติและถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า
โดยในช่วงเจเนอเรชันนี้ แอคคอร์ดก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมมหาศาลในตลาด เนื่องจากแอคคอร์ดรุ่นนี้ได้พัฒนา ขยายขนาดรถยนต์ เครื่องยนต์ และเพิ่มออปชั่นและเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการออกแบบรถที่ออกมาหรูหรากว่าโคโรน่าและบลูเบิร์ด โตโยต้าจึงไม่สามารถใช้ โตโยต้า โคโรน่า ได้อีกต่อไปจึงสั่ง โตโยต้า คัมรี่ จากออสเตรเลียเข้ามาเพื่อเป็นคู่แข่งโดยตรงกับแอคคอร์ดแทนโคโรน่า ส่วนโคโรน่าได้กลายเป็นรถที่ไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงกับแอคคอร์ดอีกต่อไป ตำแหน่งการตลาดของโคโรน่าหลังการมาของแอคคอร์ดรุ่นนี้ถูกลดลงไปอยู่กึ่งกลางระหว่าง ซีวิค กับ แอคคอร์ด (หรือเรียกว่า C-D Segment) ต่างจากโคโรน่าตั้งแต่ปี 2536 ลงไป ที่ถูกวางตำแหน่งไว้เป็นรถหรู อยู่ระดับเดียวกับแอคคอร์ดโดยตรง ดังนั้นคนรุ่นหลังจำนวนมากที่มาไม่ทันเฉพาะโคโรน่ารุ่นก่อนๆ จึงมักเข้าใจว่าโคโรน่าไม่ได้เป็นรถระดับเดียวกับแอคคอร์ด เช่นเดียวกับนิสสัน บลูเบิร์ด ซึ่งพบชะตากรรมเดียวกับโคโรน่า แต่นิสสันมี เซฟิโร่ ซึ่งเริ่มจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2533 มาเป็นคู่แข่งแทน โดยบลูเบิร์ดรุ่นสุดท้ายที่ถูกวางตำแหน่งเป็นรถคู่แข่งเต็มขั้น คือ นิสสัน บลูเบิร์ด แอทเทซา ซึ่งต่อมา ทั้งบลูเบิร์ดและโคโรน่า ก็ต่างถูกยุบสายการผลิตไปในที่สุด

Generation ที่ 6 (รุ่นปี พ.ศ. 2541-2545)


Generation ที่ 6 (รุ่นปี พ.ศ. 2541-2545)[แก้]




โฉมนี้ ผลิตออกมาทั้งสิ้น 5 ปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2541 - พ.ศ. 2545 โดยตัวถังนี้แบ่งเป็น3เวอร์ชันคือญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกาโดยบ้านเราตัวถังเดียวกับอเมริกาโดยในญี่ปุ่นเปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคมปี1997และยังมีอีกโมเดลทีใช้พื้นฐานวิศวกรรมเหมือนกันชื่อhonda torneoและยังมีขายในชื่อisuzu askaโดยมีตัวถัง4ประตูซีดานและ5ประตูwagonโดยมีเครื่องยนต์ดังนี้ F18B 4 สูบ VTEC ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,849 ซีซี 140 แรงม้า, F20B 4 สูบVTEC ซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาพต์ 1,997 ซีซี148 แรงม้า มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือก และรหัส F20B(ในรุ่น SiR) 4 สูบ VTEC ทวินแคม 16 วาล์ว 1,997 ซีซี 180 แรงม้าและH22A 220แรงม้าในรุ่นEuro R2.0L ส่วนเวอร์ชันอเมริกานั้นเปิดตัวในปี1997ใกล้เคียงกันโดยเวอร์ชันนี้เป็นเวอร์ชันเดียวกับของไทยโดยมีตัวถัง2ประตูคูเปและ4ประตูซีดาน โดยมีเครื่องยนต์ดังนี้F20B5 I4 147 hp(110 kW)2.3L F23A1 I4 150 hp(112 kW)2.3L F23A4 I4 148 hp(110 kW)2.3L F23A5 I4 135 hp (101 kW) 3.0L J30A1 V6 200 hp (150 kW)ส่วนในเวอร์ชันยุโรปมีทั้งตัวถัง4ประตูซีดานและhatchbackโดยมีเครื่องยนต์1800cc 2000cc และ H22A 2200cc 220แรงม้าและยังมีดีเซลตัวเดิมอีกด้วย
สำหรับประเทศไทยนักเลงรถบ้านเราเรียกว่ารุ่นงูเห่าโดยมีตัวเลือก 3 รุ่น คือ
  • EXi Manual / EXi Automatic เป็นรุ่นต่ำสุด เครื่องยนต์ 2300cc 138แรงม้า หัวฉีด โดย EXi Manual เป็นเกียร์ธรรมดาของรุ่นต่ำสุด (มีเฉพาะครึ่งแรกของอายุตลาด ครึ่งหลังได้ตัดเกียร์ธรรมดาออก) และ EXi Automatic เป็นเกียร์อัตโนมัติของรุ่นต่ำสุด
  • VTi Manual / VTi Automatic เป็นรุ่นกลาง เครื่องยนต์ 2300cc หัวฉีดวาล์วแปรฝัน VTEC 148แรงม้า โดย VTi Manual เป็นเกียร์ธรรมดาของรุ่นกลาง (มีเฉพาะครึ่งแรกของอายุตลาด ครึ่งหลังได้ตัดรุ่นเกียร์ธรรมดาออก) และ VTi Automatic เป็นเกียร์อัตโนมัติของรุ่นกลาง
  • 3.0V6 เป็นรุ่นท็อป มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์ 3000cc หกสูบตัววี 197 แรงม้า
แอคคอร์ดโฉมนี้ เป็นโฉมที่เก่าที่สุดที่ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศไทย รับรองให้รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อย่างเป็นทางการ[1] (แต่ในทางปฏิบัติ เครื่องยนต์หัวฉีดทุกรุ่นของฮอนด้าที่มีกล่องสมองกลสามารถรองรับได้) และเป็นโฉมสุดท้ายของแอคคอร์ดในประเทศไทยที่มีรุ่นเกียร์ธรรมดา หลังจากตัดออกไปในช่วงกลางอายุของโฉมนี้ก็ไม่มีแอคคอร์ดเกียร์ธรรมดาในประเทศไทยอีก

Generation ที่ 7 (รุ่นปี พ.ศ. 2546-2550)




Generation ที่ 8 (รุ่นปี พ.ศ. 2551-2555



โดยรุ่นนี้ก็แบ่งเป็น2เวอร์ชันตัวถังอีกตามเคยคือเวอร์ชันยุโรปกับญี่ปุ่น มีขายในอเมริกาชื่ออคูรา ทีเอสเอกซ์และ อเมริกากับบ้านเราเวอร์ชันเดียวกันขายในญี่ปุ่นในชื่อฮอนด้า อินสไปร์เหมือนเคย เวอร์ชันยุโรปเปิดตัวในปี2008ที Geneva motorshowและมึตัวถัง2แบบเหมือนเคยคือ4ประตูsedanและ5ประตูwagonในชื่อAccord Tourerมีเครื่องยนต์ 2000cc,2400ccและ2200ccตัวเดิมทั้งหมดและยังขายมาถึงปัจจุบัน ส่วนเวอร์ชันอเมริกานั้นเปิดเผยคอนแซบคาร์ของรุ่นนี้ในรุ่นตัวถังcoupeในงานดีทรอยมอเตอร์โชว์ปี 2550 โดยเริ่มขายกันจริงๆในเดือนกันยายนปีเดียวกันและมี2แบบเหมือนเคยคือ2ประตูคูเป้และ4ประตูsedanมีเครื่องยนต์ดังนี้R20A 2000cc 2400ccK24Z2177แรงม้าและK24Z3190แรงม้า J35Z2 v63500cc271 แรงม้า J35Z3 v63500cc nonvcm 268แรงม้า และ turbodiesel 2200ccโดยใน
ปี2010ก็ออกรุ่น Accord Crosstour ซึ่งเป็นsuvที่มีพื้นฐานมาจากแอคคอร์ดรุ่นนี้ใช้เครื่อง2400ccและ3500ccตัวเดิม และในปี 2553 ก็ไมเนอร์เชนจ์โดยเปลี่ยนกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่
สำหรับประเทศไทยนั้นเปิดตัวในปลายปี 2550 ช่วงงานมอเตอร์เอกซ์โปพอดีซึ่งมีตัวเลือกคือ
  • 2.0E เป็นรุ่นต่ำสุด แต่ได้ออปชั่นค่อนข้างครบ (รุ่นก่อนปี 2553 มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติด้วย)
  • 2.4E ได้เครื่องยนต์ 2400cc ออปชั่นที่ของรุ่นนี้ที่ไม่มีใน 2.0E ได้แก่ แป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย (Paddle Shift), ลายไม้ครึ่งคัน (2.0E ลายไม้เฉพาะจุด), ม่านกระจกหลังไฟฟ้า, กระจกหน้าต่างและกระจกมองข้างเคลือบสารลดการเกาะตัวของหยดน้ำฝน, ไฟเบรกตำแหน่งกลางแบบ LED แต่ออปชั่นที่รุ่นนี้ไม่มีแต่มีในรุ่น 2.0E ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control), ไฟตัดหมอกคู่หน้า และถุงลมนิรภัยด้านข้าง (ได้เพียงคู่หน้า 2 ลูก ในขณะที่ 2.0E ได้ 4 ลูก) อย่างไรก็ตาม รุ่นนี้ถูกตัดออกไปในช่วงปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ ปี 2553
  • 2.0EL / 2.0EL Navigator เป็นรุ่นที่เพิ่มมาในปี 2553 แทนรุ่น 2.4E สิ่งที่ได้เพิ่มคือการตกแต่งลายไม้รอบคัน, ลำโพง Sub-Woofer (เฉพาะ 2.0EL Navigator), และล้ออัลลอย 17 นิ้ว ยางขนาด 225/50R17 (รุ่น E ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ยางขนาด 215/60R16) แต่จะไม่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ม่านกระจกหลังไฟฟ้า, กระจกหน้าต่างและกระจกมองข้างเคลือบสารลดการเกาะตัวของหยดน้ำฝน
  • 2.4EL / 2.4EL Navigator สิ่งที่ได้เพิ่มจาก 2.0EL คือไฟหน้า HID, ไฟหน้าปรับระดับอัตโนมัติ, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ (รุ่นต่ำกว่ามีเฉพาะการปิดไฟอัตโนมัติ), ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, กระจกข้างด้านซ้ายปรับลงอัตโนมัติที่เกียร์ถอยหลัง, ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่, ม่านถุงลมด้านข้าง, กระจกตัดแสงอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ม่านกระจกหลังไฟฟ้า, กระจกหน้าต่างและกระจกมองข้างเคลือบสารลดการเกาะตัวของหยดน้ำฝน
  • 3.5V6 สิ่งที่มีมากกว่า 2.4EL ได้แก่ ซันรูฟ, ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร, สวิทช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพนักเท้าแขนเบาะหลัง
เครื่องยนต์ที่ใช้มี 3 รุ่น คือ R20A 2000cc 154 แรงม้า K24Z2 2400cc 178 แรงม้า และ V6 i-VTEC VCM 3500cc 271 แรงม้า และเติมE20ได้มาใช้เป็นครั้งแรกที่มีระบบ VCM ระบบลูกสูบแปรผันอัตโนมัติโดยรุ่นนี้มีเนวิเกเตอร์พร้อมฮาร์ดดิสก์ด้วยในรุ่น2400ccและv6 3500ccไมเนอร์เชนจ์ในปี2010โดยเปลี่ยนกันชนหน้าใหม่และกระจังหน้าใหม่อีกด้วยในรุ่น2000ccนั้นได้มีเนวิเกเตอร์แล้ว ต่อมา
ในปลายปี 2554 ได้เกิดมหาอุทกภัยในประเทศไทยทำให้โรงงานไม่สามารถผลิตรถออกมาขายได้ฮอนด้าประเทศไทยจึงนำเข้าaccordจากญี่ปุ่นที่ขายในญี่ปุ่นในชื่อinspireมาขาย2รุ่นคือ2000ccและ2400ccข้อสังเกตคือคันที่เป็นรถนำเข้านั้นจะมีหลังคาซันรูฟและไฟหน้าซีนอนแต่ก็ขายไม่ค่อยดีเท่าช่วงต้นโมเดลสักเท่าไร โดยขายกันมาจนถึงมีนาคม 2554
และโฉมที่ 8 นี้ สามารถรองรับน้ำมันพลังงานทดแทนพิเศษ แก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ซึ่งเป็นพลังงานทดแทนใหม่ของประเทศไทยที่สามารถช่วยลดมลพิษได้
ที่มา
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2_%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94








1 ความคิดเห็น: